กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเวทีรับฟังแนวคิดภาคเอกชน-สภาอุตสาหกรรม-สภาหอการค้าไทย เพื่อเริ่มต้นโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะ รองรับอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ก่อนที่จะให้มหาวิทยาลัยไปออกแบบหลักสูตรแบบบูรณาการ โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน เพื่อให้หลักสูตรใหม่ที่รองรับ New S-Curve เริ่มใช้ได้ในช่วงเปิดเทอมเดือนสิงหาคมนี้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ห้องประชุม ศ.วิจิตร ศรีสอ้าน ชั้น 5 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชน ประธานสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เพื่อพิจารณารูปแบบการดำเนินงานตามโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย
นพ.อุดม คชินทร กล่าวว่า จากการที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายการผลิตและพัฒนากำลังคนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน รองรับอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ซึ่งในการขับเคลื่อนเห็นว่าจำเป็นต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ปรับเป้าหมายการรับผู้เรียนใหม่ ทั้งนักเรียนนักศึกษา คนทำงาน ด้วยหลักสูตรหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว โดยที่สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งต้องสร้างจุดเด่นจุดขายในการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เน้นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น
การประชุมหารือในวันนี้ จึงเป็นการรับฟังแนวคิดของตัวแทนสถานประกอบการ สถาบันอุดมศึกษา เพื่อสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะและศักยภาพสูงสำหรับการทำงานในอุตสาหกรรมใหม่(New S-Curve) ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ THAILAND 4.0 และเป็นการสร้างฐานการพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตบัณฑิต ที่เกิดจากความร่วมมือกับภาคการผลิต สถานประกอบการ หรือภาคอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะพิจารณารูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาร่วมมือกันและความร่วมมือกับภาคประกอบการ ในการเปิดหลักสูตรใหม่ที่รองรับ New S-Curve ได้ทันภายในช่วงเปิดภาคเรียนเดือนสิงหาคม 2561 ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะส่งผลให้มีจำนวนบัณฑิตพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นปีละ 2 ล้านคน และกำลังคนทุกช่วงอายุของประเทศกว่า 20 ล้านคน หรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของกำลังคนที่ทำงานอยู่แล้ว ได้มีทักษะ สมรรถนะ ศักยภาพสูง สามารถทำงานได้หลากหลาย เป็นการตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทยสู่ New S-Curve เป็นการเร่งด่วนได้
"ต้องการให้หลักสูตรใหม่ที่รองรับ New S-Curve เริ่มใช้ได้ในเทอมแรกของปีการศึกษา 2561 โดยจะเริ่มต้นในมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมก่อน และวันจันทร์นี้ (19 ก.พ.) จะนัดมหาวิทยาลัยมาชี้แจงรายละเอียด ในเวลา 13.30 น. ที่ สกอ. แล้วจึงให้แต่ละแห่งไปออกแบบหลักสูตรแบบบูรณาการ โดยร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยด้วยกัน และร่วมมือกับภาคเอกชนด้วย เพราะเชื่อว่าไม่มีมหาวิทยาลัยเดียวในเวลานี้ที่ดูแลเองได้ โดยมหาวิทยาลัยที่ปรับกระบวนการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ได้จริง ๆ ก็จะรวบรวมเป็น Bundle เพื่อเสนอของบประมาณไปยัง ครม.ต่อไป แม้ Timeline ที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาอันจำกัด แต่หากได้เริ่มต้นก็จะเป็นอนาคตของประเทศ หากเราช่วยกันจริงๆ อีกทั้งเราจำเป็นต้องลงทุนการศึกษาให้มากกว่านี้ เช่นเดียวกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ได้ทุ่มงบฯ ลงไปกับการอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ทำให้ GDP ของประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย" นพ.อุดม กล่าว |